หยุดอยู่ยุดยา

หยุดอยู่ยุดยา
Volume: 
ฉบับที่ 32 เดือนสิงหาคม 2561
Column: 
Camera Diary
Writer Name: 
เรื่องและภาพ: สุเมธ คำซื่อ

หยุดอยู่ยุดยา

หยุดอยู่ยุดยา

ผมจะไม่ขอเกริ่นอะไรมากมายกับการเดินก้าวออกจากบ้าน เพื่อไปหาประสบการณ์การท่องเที่ยวในครั้งนี้

หยุดอยู่ยุดยา

จุดหมายปลายทางที่จะไปในครั้งนี้สำหรับใครที่อยู่เชียงใหม่หรือยะลาก็ถือว่าไกลเลยทีเดียว แต่ใครที่อยู่ในกรุงเทพมหานครถือว่าเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่ใกล้มากทุกคนรู้จักในนาม “อยุธยา” หรือ “พระนครศรีอยุธยา” เมืองที่เป็นจุดมุ่งหมายหนึ่งของนักท่องเที่ยวต่างชาติเลยก็ว่าได้ เพราะไปทีไร เจอฝรั่งเยอะแยะทุกที เตรียมแบกเป้ใบเล็ก ๆ และแต่งตัวให้สบาย ๆ เหมาะสมกับการไปสถานที่โบราณมรดกของโลก

สถานที่แรกที่เราจะไไปกัน นักท่องเที่ยวส่วนมากไม่ค่อยไปกันครับ นั่นคือ “พระราชวังจันทรเกษม” อยู่บริเวณตลาดหัวรอ ติดกับแม่น้ำป่าสัก หรือ จะเรียกอีกชื่อว่า “วังหน้า” ตอนนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สามารถให้นักท่องเที่ยวเข้าชมกันได้ เสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อยก่อนเข้าชม เมื่อเดินเข้าไปก็จะสะดุดกับความสวยงามของอาคารสถาปัตยกรรมโบราณต่าง ๆ ที่งดงามและยังคงสภาพให้ลูกหลานได้เห็น

หยุดอยู่ยุดยา

เข้าไปก็จะเจอ “พลับพลาจตุรมุข” ก่อนใคร ก็ที่เนื่องด้วยติดกับกำแพงวัง จะอยู่ทางด้านซ้ายเมื่อเราก้าวพ้นประตูวังเข้าไป “พลับพลาจตุรมุข” สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 สำหรับว่าราชการและเป็นที่ประทับของพระองค์ ปัจจุบันด้านในพลับพลาจตุรมุขจัดแสดงวัตถุโบราณในสมัยรัชกาลที่ 4 ไว้ให้ได้ชมกัน

ส่วนอาคารอื่น ๆ คือ พระที่นั่งพิมานรัตยา ตึกโรงม้าพระที่นั่ง อาคารสโมสรเสือป่า ตึกที่ทำการภาค (อาคารมหาดไทย) แต่ที่ปลื้มมากที่สุด คือ “พระที่นั่งพิสัยศัลลักษณ์ (หอส่องกล้อง)” เป็นตึกสูง 4 ชั้น มีฐานกว้าง สามารถขึ้นไปชมวิวได้ ซึ่งตึกนี้สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อันเป็นอาคารโบราณที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปยลวิวของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้เป็นอย่างดี

หยุดอยู่ยุดยา

หยุดอยู่ยุดยา

ยังมีอีกหลายอาคารที่ผมไม่ได้กล่าวในที่นี้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมได้อย่าง เช่น อาคารมหาดไทยซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บของโบราณไว้ อีกทั้งยังมีแผนผังเก่าเมืองโบราณทั้งเก่าและใหม่ให้ได้เปรียบเทียบกัน ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงต้องขอขอบพระคุณท่านพระยาโบราณราชธานินทร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่าในสมัยรัชกาลที่ 5 หากไม่มีท่านนี้ของโบราณทั้งหลายทั้งปวงที่อยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยานี้อาจจะสูญหายไม่เหลือให้คนรุ่นหลังได้ชมแล้วก็เป็นได้ แนะนำให้เข้ามาชมกันไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

หยุดอยู่ยุดยา

มาเที่ยวอยุธยา ขาดเสียไม่ได้เลยที่จะต้องไปไหว้ “หลวงพ่อโต” หรือที่รู้จักกันในนามพระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ  วัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งคำว่า พนัญเชิงฯ เล่าขานกันว่าอาจมาจากคำว่า พแนงเชิงซึ่งหมายความว่าขัดสมาธิ จึงมีความหมายว่าเป็นวัดแห่งพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัย ในที่นี้คือ หลวงพ่อโตนั่นเอง อาคารมหาดไทยหลวงพ่อโตพระโบราณคู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาแต่แรกสร้างกรุง

หยุดอยู่ยุดยา

อีกนัยหนึ่ง ก็มีตำนานพระนางสร้อยดอกหมากที่กลั้นใจตาย พระนางได้ขัดสมาธิก่อนตาย ซึ่งคนจีนเข้าใจการนั่งขัดสมาธิคือการพับเพียบจะเรียกว่า การเอาเชิง จนกลายมาเป็นวัดพระนางเอาเชิง และอาจพูดกันกลายมาเป็นวัดพนัญเชิงฯ มาถึงที่แล้วก็อย่าลืมเข้าไปไหว้หลวงพ่อโต ศาลเจ้าแม่ดอกหมาก ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งยังมีบริการให้อาหารปลาอีกด้วย

หยุดอยู่ยุดยา

เที่ยวไปสองแห่งเหมือนจะน้อยครับ แต่เอาเข้าจริงแล้วเกือบทั้งวันเลย มาอีกสถานที่หนึ่งซึ่งเป็นสถานที่แนะนำสุดท้าย จะขาดไปไม่ได้เลยที่เคยฮิตติดกระแสละครดังเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” อนุรักษ์ใส่ชุดไทยไปเที่ยว “วัดไชยวัฒนาราม” วัดแห่งนี้ไม่ได้มีดีแค่ให้ใส่ชุดไทยไปถ่ายรูปกัน แต่วัดนี้มีการวางแผนผังงดงามที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ซึ่งแผนผังของวัดนั้นจำลองมาจากสิ่งมหัศจรรย์ของโลกก็คือ “ปราสาทนครวัด” ในประเทศกัมพูชา วัดไชยวัฒนารามอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งผู้คนนิยมมาเที่ยวในช่วงเย็นสามารถพักผ่อนหย่อนใจบริเวณริมวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยาและชมสีของทองฟ้าที่ค่อย ๆ เปลี่ยนสีในช่วงยามโพล้เพล้และลมเย็น ๆจากแม่น้ำที่พัดผ่านทำให้รู้สึกที่นี่เป็นจุดสุดท้ายของทริปนี้

การที่ได้ก้าวเท้าออกออกมาจากบ้านก็ถือว่าคุณได้ออกมาเที่ยวมาหาประสบการณ์ใหม่ ๆ แล้ว ไม่ว่าก้าวของคุณจะใกล้หรือไกลแค่ไหน มันก็คือสิ่งใหม่ ๆ ทั้งนั้นและมันก็เป็นประสบการณ์ชีวิตของคุณ เพียงแค่ขอให้ที่จะกล้าออกมา สิ่งต่าง ๆ ใหม่ ๆ รอคุณอยู่เสมอครับ ครั้งหน้าผมจะพาไปเที่ยวที่ไหนอย่าลืมติดตามกัน และอย่าลืมใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องด้วยนะครับ อยุธยา ไม่ใช่ ยุดยา นะครับ ฮ่า ๆ ๆ

Column File (PDF): 
เนื้อหาภายในฉบับที่ 32