การเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดาและมารดา |
นายอาคม เลิศสุภานันท์ นิติกร งานกฎหมาย |
ปัจจุบันภายในคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีได้พบปัญหาว่า บุคลากรบางท่านไม่ทราบว่าการเป็นบุตรและการเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น ในทางกฎหมายมีความหมายว่าอย่างไรบ้าง ซึ่งหากเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายหรือเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วจะทำให้เกิดสิทธิในทางกฎหมายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สิทธิเบิกค่าเล่าเรียนบุตร สิทธิในการเบิกค่ารักษาพยาบาลของบุตรและของบิดา หรือการใช้สิทธิประกันสังคมและสิทธิประกันสุขภาพภายในคณะฯ เป็นต้น ซึ่งการที่มิได้เป็นบุตรหรือเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ไม่สามารถใช้สิทธิสวัสดิการต่างๆ ภายในคณะฯ ได้ เนื่องจากการจะใช้สิทธิสวัสดิการภายในคณะฯ ได้นั้น จะต้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายหรือเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น ดังนั้น การที่จะเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดาและมารดาจะต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ในกรณีดังต่อไปนี้
๒. ในส่วนของบิดานั้น กฎหมายกำหนดไว้ว่า กรณีที่เด็กเกิดจากหญิงที่มิได้จดทะเบียนสมรสกับ ๒.๑ บิดาและมารดาของเด็กได้ไปจดทะเบียนสมรสกันในภายหลัง ๒.๒ บิดาและมารดาพร้อมกับเด็กได้ไปจดทะเบียนรับรองว่าเป็นบุตร ซึ่งในกรณีนี้มารดา และเด็กจะต้องให้ความยินยอมต่อหน้านายทะเบียนได้ ซึ่งกรณีนี้เด็กจะต้องมีอายุตั้งแต่ ๗ ปี ขึ้นไปและสามารถให้ความยินยอมได้(สามารถตอบคำถามเจ้าพนักงานได้)โดยสามารถไปติดต่อ ขอจดทะเบียนรับรองบุตรได้ที่สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ ๒.๓ บิดาหรือมารดาหรือเด็กฟ้องคดีต่อศาลให้ศาลมีคำพิพากษาว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายและต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาว่าเป็นบิดาหรือเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ในกรณีที่ได้มีการปฏิบัติ ตามข้อ ๒.๑ ข้อ ๒.๒ และ ข้อ ๒.๓ แล้วนั้น มีผลให้ถือว่าเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายนับตั้งแต่วันที่เด็กเกิดเป็นต้นไป ดังนั้น เมื่อบุคลากรภายในคณะฯ มีข้อสงสัยในกรณีการเป็นบุตรหรือการเป็นบิดาและมารดาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วก็สามารถพิจารณาตามหลักเกณฑ์ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว |