วิสัยทัศน์
มุ่งผลิตบัณฑิตและแพทย์เฉพาะทางที่มีความรู้และความสามารถระดับสากลและเปี่ยมด้วยคุณธรรม พร้อมทั้งมีความใฝ่รู้ในการสร้างงานวิจัยที่มีคุณค่า มีความเป็นเลิศทางด้านงานบริการและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
พันธกิจ
- ผลิตแพทย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และคุณธรรม มีความใฝ่รู้และเจตคติที่ดี
- ให้บริการทางคลินิกเฉพาะโรคและดูแลผู้ป่วยในอย่างมีประสิทธิภาพสร้างความพึงพอใจต่อผู้รับบริการ
- สร้างงานวิจัยและองค์ความรู้ที่มีคุณค่าในระดับชาติและนานาชาติ
- ให้บริการทางวิชาการต่อบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไปเพื่อเสริมสร้างความรู้ทางด้านโรคข้อและภูมิแพ้
- สร้างและพัฒนาเครือข่ายด้านการวิจัย
- ส่งเสริมการมีทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพ ไม่เห็นแก่วัตถุนิยม
- ตรวจสอบและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ
ขอบเขตความรับผิดชอบของหน่วย
- ด้านการเรียนการสอน (ตั้งแต่ระดับก่อนปริญญา-หลังปริญญา ถึงระดับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค) รับผิดชอบการเรียนการสอนในหลักสูตรต่อไปนี้
หลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต
-
- หัตถการที่ช่วยในการวินิจฉัยโรค
-
ชั้นคลินิก ปีที่ 4, 5 และ 6 วิชาอายุรศาสตร์ โดยมีการจัดการเรียนการสอนทั้ง IPD และ OPD (ปี 5 และ ปี 6)
- หลักสูตรประกาศนียบัตรวิทยาศาสตร์การแพทย์ชั้นสูง
- หลักสูตรวุฒิบัตรอายุรศาสตร์ทั่วไป
- หลักสูตรวุฒิบัตรอายุรศาสตร์โรคข้อและรูมาติสซั่ม
- หลักสูตรวุฒิบัตรอายุรศาสตร์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันคลินิก
- หลักสูตรประกาศนียบัตรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาอายุรศาสตร์โรคภูมิแพ้
- หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเวชศาสตร์ปริวรรต (หลักสูตรนานาชาติ)
- ชั้นปรีคลินิก ปีที่ 3 วิชาบทนำคลินิก
- ชั้นปรีคลินิก ปีที่ 2 วิชา Immunology (Host-defense ในหลักสูตรใหม่)
ด้านการบริการผู้ป่วยและการบริการสังคม (รวมถึงหัตถการ และ Procedure ต่าง ๆ ของหน่วย)
- การตรวจภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin prick test)
- การทดสอบภาวะความไวเกินของหลอดลม (Bronchial challenge test)
- การทดสอบแพ้ยา (drug testing)
- การทดสอบแพ้ยา (food challenge)
การทดสอบโดยการออกกำลังกาย (exercise challenge test)
-
หัตถการที่ช่วยในการรักษาโรค
- การฟอกน้ำเหลือง (Plasmapheresis) ด้วยวิธี filtration
- การให้ Biologic therapy (มี infusion unit ภายในหน่วยฯ)
- การรักษาทางภูมิคุ้มกัน เพื่อรักษาโรคภูมิแพ้ (allergen-specific immunotherapy)
- การให้ยาโดยเพิ่มขนาดยาทีละน้อยเพื่อให้อดทนยาได้ (drug desensitization)
- การทำ Immunotherapy เพื่อรักษาโรคภูมิแพ้
หัตถการที่ช่วยในการวินิจฉัย/รักษาโรคและประเมินสภาวะของโรค
- การเจาะข้อ (Arthrocentesis) และตรวจผลึกในน้ำไขข้อ
-
การเป่าปอด (spirometry)
- การตรวจทางซีโรโลยี่ (serologies) หาออโตแอนติบอดีย์ เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรค
- ด้านการวิจัย
-
Disease oriented
- Systemic lupus erythematosus
- Scleroderma
- Rheumatoid arthritis
- Immunotherapy for house dust mite
- Asthma
- Drug allergy
- Allergic rhinitis
-
Biomedical oriented
- Autoantibodies
- Immunogenetics
- Genetics for drug hypersensitivity
-
ผลงานที่สำคัญของหน่วยในอดีต
- งานวิจัย ได้ตีพิมพ์ผลงานทางวิชาการในวารสารต่างประเทศและในประเทศรวม > 40 เรื่อง
- สิ่งประดิษฐ์
- นายแพทย์สุกิจ จิตรบำรุง ร่วมกับคุณอรวรรณ วีระเสริฐนิยม และคุณมนต์จันทร์ วณิชย์พันธุ์ ได้ริเริ่มวิธีการทดสอบหาออโตแอนติบอดี้ย์ทั้ง pattern และ profiles ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคออโต้อิมมูนสูงเป็นที่เชื่อถือ และนำไปใช้ในห้องทดลอง ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2525 และยังเป็นผู้นำในการพัฒนาการทดสอบทางภูมิคุ้มกันต่าง ๆ หลายประเภท
- วิธีตรวจยืนยันอาการปากแห้ง (xerostomia) แบบ noninvasive ในปี พ.ศ. 2531
2.3 ให้การฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านต่อยอด
- สาขาอายุรศาสตร์โรคข้อและรูมาติสซั่ม จำนวน 30 คน
- สาขาอายุรศาสตร์โรคภูมิแพ้ และภูมิคุ้มกันทางคลินิก จำนวน 8 คน
- เกียรติประวัติที่อาจารย์หรือบุคลากรในหน่วยเคยได้รับ เช่น นักวิจัยดีเด่น รางวัลมหิดล ฯลฯ
รองศาสตราจารย์มงคล วัฒนสุข
- นายกสมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทยคนแรก (เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง) 2528-2531
- ที่ปรึกษาขององค์การอนามัยโลกเรื่อง WHO/ILAR Task Force on Rheumatic Disease, Geneva, 2527
- ประธานกรรมการจัดงานประชุมนานาชาติเรื่อง 5th SEAPAL Congress of Rheumatology, กรุงเทพฯ, 2527
- President, Asia Pacific League of Associations for Rheumatology (APLAR) และ Vice President, International League of Associations for Rheumatology (ILAR) 2541-2543
- ประธานกรรมการจัดงานประชุมนานาชาติเรื่อง 10th APLAR Congress of Rheumatology, Bangkok 1-6 December 2002
นางสาวอรวรรณ วีระเสริฐนิยม
- ข้าราชการดีเด่น สาย ก ของคณะฯ ประจำปี 2545
ผู้ช่วยศาสตราจารย์กนกรัตน์ นันทิรุจ
- นายกสมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทย วาระพ.ศ. 2547-2549, 2560-2562
ผู้ช่วยศาสตราจารย์กิตติ โตเต็มโชคชัยการ
- นายกสมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทย วาระพ.ศ. 2555-2557
อาจารย์แพทย์หญิงประภาพร พิสิษฐ์กุล
- Fellow Award a for Research Excellenc (FARE) จาก National Institutes of Hcaeth (สหรัฐอเมริกา 2550)
- American Association of Immunologists (AAI) Trainee Award ในปี 2551, 2553
- จุดเด่นของหน่วย (โดยเฉพาะที่แตกต่างจากหน่วยเดียวกัน ของสถาบันอื่นๆ)
- มีการทดสอบยืนยันการแพ้ยาอย่างเป็นระบบ (ทดสอบทางผิวหนัง และการทดสอบโดยให้ยาซ้ำ) และเป็นแหล่งอ้างอิงการจัดตั้งคลินิก challenge จนมีแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ที่สนใจด้านการดูแลผู้ป่วยแพ้ยามาฝึกอบรม (elective) อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากกุมารแพทย์ อายุรแพทย์ แพทย์สาขาโสต ศอ นาสิก และแพทย์ผิวหนัง รวมถึงเภสัชกรและพยาบาล
- มีประสิทธิภาพและประสบการณ์สูงในการรักษาโรคแพ้ภูมิตนเอง ทำให้แพทย์ประจำบ้านต่อยอดสาขาโรคข้อและรูมาติสซั่มจากสถาบันอื่นเลือกมาฝึกอบรม (elective) อย่างต่อเนื่อง
- มีศักยภาพในการทำวิจัยทางคลินิกและงานวิจัยทางพื้นฐานเป็นที่ยอมรับทั่วไปทั้งด้านโรคภูมิแพ้และโรคข้อโดยนำความรู้ที่ได้จากการทำวิจัยทางพื้นฐานมาประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้ป่วยโรคภูมิแพ้และโรคข้อ
- เป็นแหล่งอ้างอิงและฝึกอบรมการทดสอบหาออโต้แอนติบอดี้ย์ของประเทศ
- แนวทางการพัฒนาหน่วยในอนาคต
- ด้านการเรียนการสอน ดำเนินการตามนโยบายคณะฯ เพื่อผลิตแพทย์ซึ่งมีความรู้ด้านอายุรศาสตร์โรคภูมิแพ้และโรคข้อที่ได้มาตรฐาน รู้จักเรียนรู้ด้วยตนเอง คิดเป็น ทำเป็น และมี จริยธรรมสมความเป็นแพทย์ รวมถึงร่วมผลิตนักวิจัยในสาขาวิชาเวชศาสตร์ปริวรรต (Translation Medicine) หลักสูตรนานาชาติทั้งในระดับมหาบัณฑิตและปรัชญาดุษฎีบัณฑิต
- ด้านบริการ พัฒนาขีดความสามารถในการให้การรักษาผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ อิมมูโนวิทยา คลินิคและโรคข้อ ให้ก้าวทันหรือเป็นผู้นำในวิทยาการสมัยใหม่ เพื่อเป็นสถาบันที่ปรึกษาของแพทย์ทั่วประเทศ รวมทั้งแพทย์ในประเทศใกล้เคียง ในขณะเดียวกันก็เน้นย้ำการอภิบาลทางด้านจิตใจควบคู่กันไปด้วย
- ด้านวิจัย เน้นการวิจัยเกี่ยวกับโรคที่เป็นปัญหาหลักของประชาชนไทย ซึ่งได้แก่โรค SLE, Scleroderma โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ การแพ้ยา และโรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ในปัจจุบันได้เน้นการทำวิจัยในผู้ป่วยโรค SLE ในเชิงลึกเพิ่มมากขึ้นเพื่อที่จะเข้าใจกลไกการเกิดโรคในผู้ป่วยกลุ่มนี้ให้ดียิ่งขึ้น และวางแนวทางการรักษาโดยใช้รูปแบบการศึกษาที่เรียกว่า Precision Medicine ซึ่งจะเริ่มจากการตรวจหายีนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค SLE และจะตรวจหาความผิดปกติในระบบอิมมูโนวิทยา เพื่อวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ของยีนเหล่านี้กับความรุนแรงของโรค การติดเชื้อฉวยโอกาส และการพยากรณ์โรค เพื่อใช้เป็นแนวทางในการวางแผนการรักษาให้เหมาะสมสำหรับคนไข้แต่ละคน