โครงการร่วม 2 หลักสูตร พ.บ. – วศ.ม. (วิศวกรรมชีวการแพทย์)

ที่มาและความสำคัญ

          ในปัจจุบันงานวิจัยและวิทยาการต่างๆ ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาททางการแพทย์และสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นด้านการคัดกรองผู้ป่วย การวินิจฉัยและติดตาม และการรักษาโรค ตัวอย่างเช่น การสร้างภาพทางการแพทย์ (CT-scan, MRI, PET), หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด, อุปกรณ์แขน-ขาเทียม เป็นต้น ด้วยวิทยาการและเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาททางการแพทย์ ทำให้วิธีการทำงาน กระบวนการทำงานของแพทย์เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย การทำงานร่วมกับและการพัฒนาเครื่องมือทางการแพทย์ดังกล่าว นอกจากจะต้องมีความรู้ทางด้านการแพทย์ที่ดีแล้ว ยังต้องมีความรู้และความเข้าใจทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย

 

          คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงมีแนวคิดสร้างหลักสูตรร่วมกันระหว่างแพทยศาสตร์บัณฑิตและวิศวกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต ภายใต้โครงการร่วม 2 หลักสูตร พ.บ. - วศ. ม. (วิศวกรรมชีวการแพทย์) เพื่อที่จะสร้างแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ สามารถประยุกต์ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์กับการรักษาผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องและให้ประสิทธิภาพสูงสุด โดยปลูกฝังความเป็นนักวิจัยและนวัตกรให้แก่นักศึกษาแพทย์ทั้งในด้านของกระบวนการคิด ทักษะ และความสามารถทางการวิจัย

 

 

 

 

รูปแบบการเรียนการสอน

        การจัดการศึกษามีระยะเวลาการศึกษาทั้งหมด 7 ปี มีการแบ่งช่วงปีการศึกษาในลักษณะ 3 + 1 + 3 ปี โดยในช่วงการศึกษาปีที่ 1 - 3 จัดให้มีการเรียนการสอนความรู้ด้านปรีคลินิก ในชั้นปีที่ 4 จัดให้มีการเรียนการสอนและการดำเนินงานวิจัยในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมชีวการแพทย์ เป็นเวลา 1 ปีการศึกษา และกลับเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตในชั้นปีที่ 5 - 7 โดยจัดให้มีการเรียนการสอนความรู้ทางด้านคลินิก และยังคงดำเนินงานวิจัยของหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมชีวการแพทย์ หรือต่อยอดงานวิจัยในชั้นคลินิกอย่างต่อเนื่อง เมื่อจบการศึกษาตลอดโครงการ ซึ่งประกอบไปด้วยหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต 6 ปี และหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต 1 ปี ตามเกณฑ์มาตรฐานของหลักสูตรทั้งสอง จะได้รับปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต และวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต

 

 

 

 

 

แนวทางงานวิจัย

        การเรียนการสอนในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต วิศวกรรมชีวการแพทย์ ส่วนใหญ่มีลักษณะแบบ Problem Based Learning (PBL) โดยเน้นการทำ Class Project เพื่อให้เกิดการเรียนรู้จากการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองและการลงมือจริง เพื่อให้ผู้เรียนเกิดทักษะการทำงานวิจัย เกิดกระบวนการคิดการแก้ปัญหาร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน และสามารถเผชิญกับปัญหาใหม่ๆ ได้อย่างดี

 

        นอกจากนี้การเข้าศึกษาในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต วิศวกรรมชีวการแพทย์ ส่งเสริมให้มีการทำงานวิจัย นวัตกรรม การตีพิมพ์ผลงาน ผ่านการทำวิทยานิพนธ์ ภายใต้การดูแลจากอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขหลักในการจบการศึกษาในหลักสูตร สำหรับแนวทางการทำวิทยานิพนธ์ ผู้เรียนสามารถเลือกแนวทางการทำวิจัยในด้านต่างๆ ได้แก่

 

 

 

 

Research Facilities

 

 

เครื่องมือและอุปกรณ์การทำงานวิจัยที่ทันสมัยพร้อมให้บริการแก่นักศึกษาในโครงการร่วม 2 หลักสูตร พ.บ. - วศ.ม. (วิศวกรรมชีวการแพทย์) ณ ภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

 

 

ในปี พ.ศ. 2565 ศูนย์วิจัยทางด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ของสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์จะแล้วเสร็จ พร้อมให้บริการแก่นักศึกษาในหลักสูตร พ.บ. - วศ.ม. ในการทำงานวิจัย

 

คำถามที่พบบ่อย

  1. พ.บ. - วศ. ม. คืออะไร ?

พ.บ. - วศ.ม. คือนวัตกรรมการศึกษาที่ผสมผสานระหว่าง 2 หลักสูตร เกิดจากความร่วมมือของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีและคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยมุ่งเน้นสร้างแพทย์นวัตกร มีความคิดสร้างสรรค์และมีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการแพทย์ในอนาคต

 

 

  2. พ.บ. - วศ. ม. เป็นหลักสูตรแพทย์ที่เขียนขึ้นใหม่หรือไม่ ?

พ.บ. - วศ.ม. เป็นโครงการร่วม 2 หลักสูตร พบ.-วศ.ม. (วิศวกรรมชีวการแพทย์) จัดการเรียนการสอนโดยใช้หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีที่มีอยู่แล้ว และหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต วิศวกรรมชีวการแพทย์ ที่มีอยู่แล้ว ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยผสมผสานการศึกษาระหว่าการแพทย์และวิศวกรรมอย่างเหมาะสม เพื่อเป้าหมายการสร้างแพทย์นวัตกร

 

 

  3. พ.บ. - วศ. ม. ต่างกับหลักสูตร พ.บ. ปกติ อย่างไร ?

นักศึกษาในโครงการ พ.บ. - วศ.ม. จะได้รับการเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางการแพทย์เช่นเดียวกับหลักสูตร MD. ปกติ นอกจากนั้นนักศึกษาจะได้รับความรู้และทักษะพื้นฐานทางวิศวกรรม อีกทั้งได้รับประสบการณ์การพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ และมีสังคมร่วมกับเพื่อน นักวิจัย และอาจารย์ ต่างคณะอีกด้วย

 

 

  4. พ.บ. - วศ. ม. เรียนกี่ปี ?

ใช้เวลาเรียน 7 ปี โดยปีที่ 1 - 3 มีการเรียนการสอนทางด้านพรีคลินิกเช่นเดียวกับหลักสูตรแพทย์ปกติ ในชั้นปีที่ 4 จะเป็นช่วงของการพัฒนาทักษะด้านวิศวกรรมและลงมือพัฒนางานวิจัยหรือนวัตกรรม หลักจากนั้นในปีที่ 5 - 7 จึงกลับมาเรียนชั้นคลินิกเช่นเดียวกับหลักสูตรแพทย์ปกติ พร้อมทั้งทดลองและต่อยอดนวัตกรรมที่ได้พัฒนาขึ้นในช่วงเวลานี้ด้วยเช่นกัน หลังจากสิ้นสุดการเรียน 7 ปี นักศึกษาจะได้รับปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต จากนั้นนักศึกษาดำเนินการจบการศึกษาหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต โดยการขึ้นทะเบียนกับบัณฑิตวิทยาลัย ตีพิมพ์ผลงาน และสอบวิทยานิพนธ์ ตามระยะเวลาที่บัณฑิตวิทยาลัยกำหนด

 

 

  5. รับปริญญาพร้อมกันหรือไม่ ?

เมื่อนักศึกษาเรียนครบ 7 ปีและสำเร็จการศึกษาแล้ว นักศึกษาสามารถเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร แพทยศาสตรบัณฑิต ในปีการศึกษานั้นๆ และสามารถเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต วิศวกรรมชีวการแพทย์ ในปีถัดไป

 

 

  6. การสมัครเข้าเรียน พ.บ. - วศ. ม. ทำอย่างไร ?

รับสมัครโดยวิธีรับตรงผ่านระบบ TCAS รอบ Portfolio ของ ทปอ. และพิจารณาคัดเลือกโดยดูจาก Portfolio และสัมภาษณ์แบบ Multiple Mini Interview (MMI)

 

 

  7. จำนวนการรับนักศึกษาต่อปีการศึกษา ?

การรับนักศึกษาจำนวน 20 คนต่อปีการศึกษา โดยเป็นการรับตรงในรอบที่ 1 แฟ้มสะสมผลงาน มีการรับนักศึกษาแยกจากหลักสูตรแพทย์ปกติอย่างชัดเจน

 

 

  8. เรียนที่ไหนบ้าง ?

ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา

ชั้นปี่ที่ 2 - 3 สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์

ชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา

ชั้นปีที่ 5 - 6 สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ และโรงพยาบาลรามาธิบดี

ชั้นปีที่ 7 สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลสมทบ

 

 

  9. มีหลักสูตรแบบนี้ที่ไหนบ้าง ?

มีหลักสูตรในลักษณะเดียวกันนี้อยู่แล้ว ในมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ เช่น

Duke University

TEXAS A&M University

Stanford University

Case Western Reserve University

โดยคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีเป็นที่แรก ที่เปิดโครงการร่วมระหว่างแพทย์และวิศวะฯ

 

 

  10. นักศึกษาจำเป็นต้องทำงานวิจัยและตีพิมพ์หรือไม่ ?

นักศึกษาต้องทำงานวิจัยและตีพิมพ์ผลงานวิจัยในระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นเงื่อนไข ในการสำเร็จการศึกษาของหลักสูตรมหาบัณฑิต ตามประกาศของบัณฑิตวิทยาลัย

 

 

  11. จบแล้วได้ปริญญาอะไรบ้าง ?

1) ปริญญาตรี แพทยศาสตร์บัณฑิต (พบ.)

2) ปริญญาโท วิศวกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต (วศ.ม. วิศวกรรมชีวการแพทย์)

 

 

  12. จบไปทำงานอะไรได้บ้าง ?

  • แพทย์ที่เป็นได้มากกว่าแพทย์ มองเห็นปัญหาและโอกาสในการแก้ปัญหาด้วยหลักการทางวิศวกรรม มีการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบมากขึ้น
  • แพทย์นวัตกร เป็นแพทย์ที่ได้รับการปูพื้นฐานพร้อมที่จะต่อยอดเพื่อพัฒนางานวิจัย และนวัตกรรมทางการแพทย์
  • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง โอกาสที่จะได้รับเลือกให้เรียนต่อเฉพาะทางหรือหลักสูตรปริญญาเอกทั้งในและต่างประเทศมีสูงขึ้น เนื่องจากมีประสบการณ์ทำงานวิจัยและผลงานตีพิมพ์ในระดับนานาชาติเป็นพื้นฐาน

 

 

  13. ค่าเล่าเรียน แตกต่างกับหลักสูตรแพทย์ปกติ หรือไม่?

มีค่าลงทะเบียนเพิ่มเติมสำหรับหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต ประมาณสองแสนบาท โดยมีการแบ่งจ่ายเป็น 2 ช่วงเวลา คือในชั้นปีที่ 4 ประมาณหนึ่งแสนบาท และหลังจากจบปีที่ 7 ประมาณหนึ่งแสนบาท

 

 

  14. เรียนจบแล้วต้องใช้ทุนหรือไม่?

นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาในโครงการร่วม 2 หลักสูตรฯ จะต้องใช้ทำหน้าที่แพทย์ใช้ทุนเช่นเดียวกับหลักสูตรแพทย์ปกติ

 

 

 
 

 

 RAMA by D