Calcium disodium adetate (CaEDTA)

 

Calcium disodium adetate (CaEDTA)

   ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา 
          Calcium EDTA ออกฤทธิ์โดยการจับกับธาตุโลหะที่มีประจุ เช่น ตะกั่ว, zinc, cadmium, manganese, เหล็ก และ copper แต่จะจับได้ดีที่สุดกับตะกั่ว โดยดึงมาจากตะกั่วที่สะสมอยู่ในกระดูก และถูกขับออกทางไต

   ข้อบ่งใช้

  1. ใช้รักษาภาวะเป็นพิษจากตะกั่ว ทั้งแบบเฉียบพลัน และแบบเรื้อรัง ถ้ามีอาการทางสมอง (encephalopathy) หรือภาวะ ไตวาย ควรให้ BAL (Dimercaprol) ร่วมด้วย
  2. ใช้รักษาภาวะเป็นพิษจาก manganese, zinc, chromium, nickel

   ข้อห้ามใช้

  1. ปัสสาวะไม่ออก (anuria) หรือมีอาการผิดปกติของการ ทำงานของไตเพราะจะทำให้ CaEDTA มีการสะสม และเกิดเป็นพิษต่อไต
  2. ยังไม่มีการศึกษาในคนตั้งครรภ์

   อาการไม่พึงประสงค์

  1. เกิดพิษต่อไต ป้องกันการเกิดพิษได้โดยต้องให้น้ำเพื่อให้ มีปัสสาวะอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงการให้ยาในขนาดสูง ถ้าให้การรักษาอย่างน้อย 2 วันถึง 2 สัปดาห์ ควรตรวจการทำงานของไต ระหว่างให้การรักษาเป็นระยะ สารประกอบระหว่าง CaEDTA กับตะกั่วสามารถถูกกำจัดได้ด้วยการทำ hemodialysis กรณีที่ไตไม่ทำงาน
  2. ควรหลีกเลี่ยงการให้ทางเส้นเลือดดำแบบเร็วๆ ในภาวะของ lead encephalopathy เพราะจะเพิ่มความดันใน CSF และ ทำให้อาการทางสมองเลวลง
  3. คลื่นไส้ อาเจียน ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ไข้ หนาวสั่น ความดันโลหิตต่ำ และมีการหลั่ง histamine
  4. ปวดบริเวณที่ฉีดเข้ากล้าม หรือเกิดเส้นเลือดดำอักเสบ ถ้าฉีดเข้าเส้นโดยเฉพาะถ้าความเข้มข้นสูงกว่า 0.5%
  5. เกิดการสูญเสีย zinc จากร่างกาย เกิดภาวะพร่องของ zinc
  6. มีโอกาสเกิดภาวะ calcium สูง แต่พบได้น้อย

   ปฏิกิริยาต่อยาอื่น 
         ยังไม่พบ

   ขนาดและวิธีใช้

  1. ภาวะตะกั่วเป็นพิษ (ทั้งเด็กและผู้ใหญ่)
    1. ระดับตะกั่วในเลือดมากกว่า 100 mcg/dl และมี lead encephalopathy ให้ CaEDTA 1,500 mg/m2/day (ประมาณ 30 mg/kg) แบ่งให้ 6 ครั้ง ทุก 4 ชั่วโมง ฉีดเข้ากล้ามลึกๆ หรือให้ทางเส้นเลือดดำช้าๆ โดยทำให้เจือจาง 2-4 mg/dl ในน้ำเกลือเป็นเวลา 5 วัน ผู้ป่วยที่มีภาวะ encephalopathy ต้องให้ BAL ร่วมด้วย
    2. มีอาการของภาวะตะกั่วเป็นพิษ แต่ไม่มี encephalopathy และระดับตะกั่วในเลือด 50-100 mcg/dl ให้ CaEDTA 1000 mg/m2/day (ประมาณ 20 mg/kg) ทางเส้นเลือดดำหรือฉีดเข้ากล้าม แบ่งให้ทุก 4 ชั่วโมงเป็นเวลา 5 วัน
    3. วัดระดับตะกั่วในเลือดเมื่อครบกำหนดให้ยา เพื่อประเมินว่าต้องให้ CaEDTA ต่อหรือไม่
  2. CaEDTA chelating test หรือ Lead mobilization test เป็นการประเมินการสะสมของตะกั่วในส่วนที่แลกเปลี่ยนได้ของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระดูก ขนาดที่ให้ 500 mg/m2 (ประมาณ 20 mg/kg) แต่ไม่เกิน 1 กรัมทางเส้นเลือดดำ drip ใน 1 ชั่วโมง หรือเข้ากล้าม วัดปริมาณตะกั่วที่ขับออกทางปัสสาวะใน 24 ชั่วโมงก่อนและหลังให้ยา ปัสสาวะที่เก็บต้องใช้ภาชนะที่ผ่านการล้างด้วยกรด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารที่จะทำให้การวัดค่าตะกั่วผิดไป ถ้าสัดส่วนปริมาณตะกั่ว (mcg) ถูกขับออกมาในปัสสาวะต่อปริมาณ EDTA (mg) ที่ให้เข้าไปมากกว่า 0.7 ถือว่าทดสอบให้ผลบวก

   รูปแบบของยา

Calcium disodium versenateÒ 200 mg/ml (5 ml/ampule) สารละลายสำหรับฉีด