จากความล้มเหลว สู่ความสำเร็จ

Volume: 
ฉบับที่ 52 เดือนเมษายน 2567
Column: 
ThinkPlus
Writer Name: 
รศ. พญ.โสมรัชช์ วิไลยุค ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

คุณเคยเจอกับปัญหาหรืออุปสรรค เวลาต้องทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จไหมคะ ?

แล้วคุณตัดสินใจทำอย่างไรคะ ? ล้มเลิก และเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ หรือทำต่อไปจนสำเร็จ ?

หากเราได้อ่านประวัติบุคคลระดับโลกที่ประสบความสำเร็จในด้านต่าง ๆ จะเห็นว่า กว่าพวกเขาเหล่านั้นจะไปถึงจุดมุ่งหมาย ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ไม่มีใครทำอะไรแล้วประสบความสำเร็จในครั้งแรกสักคน

หากใครที่เป็นแฟน ๆ การ์ตูนดิสนีย์ จะรู้จัก วอล์ท ดิสนีย์ ผู้ก่อตั้ง The Walt Disney studio และเป็นผู้ที่สร้างตัวการ์ตูนอย่าง มิคกี้ เมาส์ ให้ดังไปทั่วโลกและเป็นที่นิยมของคนทุกวัยมาจนถึงปัจจุบัน ก่อนที่เขาจะประสบความสำเร็จมาถึงจุดนี้ วอล์ท ดิสนีย์ เคยถูกไล่ออกจากบริษัทหนังสือพิมพ์ด้วยเหตุผลที่ว่า “ไม่มีจินตนาการ และ ไม่มีไอเดียดีดีเอาซะเลย” ตัวการ์ตูน มิคกี้ เมาส์เองก็เคยถูกปฏิเสธเพราะหน้าตาน่ากลัวเกินไป หารู้ไม่ว่าต่อมามีคนนิยมตัวการ์ตูนนี้กันอย่างมากมาย และธุรกิจแรกของเขาก็ถูกฟ้องล้มละลาย แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ เขาสร้าง The Walt Disney studio ขึ้นมาจนทำรายได้ให้เขาเป็นกอบเป็นกำจนถึงปัจจุบัน ดิสนีย์จึงฝากคำขวัญของเขาไว้ว่า ทุกความฝันเป็นจริงได้ ถ้าคุณมีความกล้าที่จะไล่ตามมัน” (All your dream can come true, if we have the courage to pursue them) 

บุคคลอีกคนนึงที่จะกล่าวถึงคือ เจ เค โรว์ลิ่ง นักเขียนผู้ซึ่งโด่งดังอย่างมากจากนิยายเวทมนตร์เรื่อง Harry Potter ก่อนที่เธอจะประสบความสำเร็จมาถึงจุดนี้ นิยายเธอเคยถูกปฏิเสธจากสำนักพิมพ์ถึง 12 ครั้ง เธอเคยหมดเนื้อหมดตัวต้องอยู่โดยใช้เพียงเงินประกันสังคม และเคยต้องเผชิญกับโรคซึมเศร้า แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ ทำงานที่เธอรัก จน Harry Potter ได้ตีพิมพ์ และทำรายได้มากมายมหาศาลจนเธอกลายเป็นเศรษฐินีในเวลาต่อมา

ลองกล่าวถึงวงการกีฬากันบ้าง ปัจจุบันไม่มีใครไม่รู้จัก ไมเคิล จอร์แดน ถ้าติดตามกีฬาบาสเกตบอล เพราะเขาเป็นนักบาสเกตบอลที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ตอนเด็ก ๆ ไมเคิล จอร์แดน รักการเล่นบาสเกตบอลมาก และอยากมีอาชีพเป็นนักบาสเกตบอล แต่ครูฝึกที่โรงเรียนไม่ยอมรับเขาเข้าทีมบาสเกตบอลโรงเรียน เพราะเขาตัวเตี้ย หลังจากนั้น เขาจึงฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อให้ครูฝึกได้เห็นถึงศักยภาพของเขาถึงแม้เขาจะตัวเล็กกว่าคนอื่นก็ตาม จากการฝึกฝนอย่างหนัก ไมเคิลกลายเป็นนักบาสเกตบอลที่กระโดดได้สูงและค้างตัวกลางอากาศได้นานมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้มาจากการไม่ยอมแพ้และมุมานะจนทำให้ไมเคิลประสบความสำเร็จในที่สุด ถึงปัจจุบันเขาจะเลิกเล่นบาสเกตบอลแล้ว แต่ในอดีตเขาได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย ทำให้ทีมบาสเกตบอลของเขาได้แชมป์อยู่หลายสมัย รวมทั้งได้เหรียญทองในกีฬาโอลิมปิกอีกด้วย นอกจากนี้เขายังเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับรองเท้ากีฬาดังอย่างไนกี้ จนไนกี้ใช้ชื่อเขาเป็นชื่อรุ่นรองเท้าที่ขายดิบขายดีมาก

มาถึงวงการภาพยนตร์กันบ้าง ถ้าพูดถึงสตีเวน สปีลเบิร์ก ทุกท่านต้องร้องอ๋อ เพราะเขาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังของฮอลลีวู้ดมากมายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่อง Jaws, Jurassic Park, Indiana Jones, Back to the Future, E.T. เป็นต้น ถ้าภาพยนตร์เรื่องนั้น สตีเวน สปีลเบิร์ก เป็นคนกำกับ หนังเรื่องนั้นมักจะกวาดรายได้อย่างถล่มทลาย เพราะทุกคนเชื่อมั่นในฝีมือของเขา แม้กระนั้นก็ตาม มีเรื่องที่คาดไม่ถึงว่าตอนเด็ก ๆ สตีเวนถูกปฏิเสธให้เข้าศึกษาต่อที่ The University of Southern California’s School of Cinema Arts ซึ่งเป็นโรงเรียนที่สอนเกี่ยวกับศิลปะและภาพยนตร์ชื่อดัง ซึ่ง สตีเวนไม่ใช่ถูกปฏิเสธแค่ครั้งเดียว กลับถูกปฏิเสธถึงสองครั้งด้วยกัน แต่เขาก็ไม่ล้มเลิกความฝันในการสร้างภาพยนตร์ของเขา จนปัจจุบันเขาเป็นผู้กำกับมือทองที่กวาดรางวัลมานับไม่ถ้วนและสร้างหนังทำเงินหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐ

ที่กล่าวข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะบอกท่านผู้อ่านว่า หากเจออุปสรรค จงอย่าย่อมแพ้ หากท่านมุมานะ ฝ่าฟัน ฝึกฝน และหาวิธีที่จะเอาชนะอุปสรรคนั้นได้ ... ท่านก็จะประสบความสำเร็จในที่สุด ทว่าอาจมีคนสงสัยว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราจะประสบความสำเร็จอย่างบุคคลที่ยกตัวอย่างข้างต้น ในเมื่อเราไม่เก่งและไมม่ีพรสวรรค์เท่าเขา แล้วจะทำให้เราประสบความสำเร็จได้อย่างไร ? 

ท่านผู้อ่านเคยได้ยินคำว่า Grit ไหมคะ? Grit คือส่วนผสมของความมุมานะ พากเพียร (perseverance) และความหลงไหล หรือความชอบในสิ่งนั้น ๆ (passion) นั่นเอง การที่คนคนหนึ่งจะมี Grit สูงจึงไม่เกี่ยวกับพรสวรรค์แต่อย่างใด แต่เกี่ยวกับความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่ง ๆ นั้นได้สำเร็จมากกว่า ทั้งนี้ไม่ใช่ความแน่วแน่เพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ นะคะ แต่ต้องเป็นความมุ่งมั่นที่จะให้สำเร็จจริง ๆ ไม่ว่าจะพบเจออุปสรรคยากเย็นขนาดไหนหรือใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม หรือจะล้มแล้วแต่ก็ลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้จนสำเร็จ โดยอยู่บนพื้นฐานว่าชอบที่จะทำสิ่งนั้น ๆ จริง ๆ ดังนั้น Grit จึงมีความสำคัญมาก บุคคลต่าง ๆ ที่ประสบความสำเร็จได้ไม่ใช่เพราะโชคช่วย เป็นเพราะพวกเขามี Grit สูงและมีความมุ่งมั่นที่จะทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ

แองเจลา ลี ดักเวิร์ธ (Angela Lee Duckworth) นักจิตวิทยาได้เคยทำการศึกษาว่าคนที่มี Grit สูงจะประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่สอบได้คะแนนดี กล่าวอีกนัยนึงคือคนที่มีพรสวรรค์เพียงอย่างเดียวอาจไม่ประสบความสำเร็จเท่าคนที่มีพรแสวง หากไม่มีการฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ พรสวรรค์ที่มีก็อาจจะสู้คนที่ฝึกฝนอย่างมากและมีความมุ่งมั่นไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นเราต้องเปลี่ยนความคิดที่ว่า “เราไม่เก่ง สู้คนอื่นไม่ได้ คงทำไม่สำเร็จ” ถ้าท่านเปลี่ยนความคิดนี้ได้เป็น “เราทำได้” หมั่นฝึกฝนและพัฒนาอยู่เสมอ ประกอบกับหาความชอบและมีความมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำ ท่านก็จะสามารถเอาชนะปัญหาอุปสรรคและไปถึงจุดมุ่งหมายได้เช่นกันค่ะ 

คราวนี้มีคนถามว่า หากพบว่าเราเป็นคนที่มี Grit ต่ำล่ะ เราจะทำอย่างไร ? จะประสบความสำเร็จได้ไหม? ผู้เขียนขอตอบว่า “ได้นะคะ” Grit เป็นอะไรที่เปลี่ยนได้ค่ะ เราสามารถฝึกและพัฒนาให้ Grit ของเราสูงขึ้นได้ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ค่ะ

  1. ต้องเชื่อก่อนว่าเราสามารถพัฒนาให้ Grit เราสูงขึ้นได้
  2. มองหาเป้าหมายในสิ่งที่เราทำ ทั้งนี้เป้าหมายต้องชัดเจนและมีคุณค่า ยิ่งสร้างแรงบันดาลใจได้ยิ่งดี
  3. พัฒนาทักษะในการปรับตัวกับความเครียดและการแก้ปัญหา หากเคยล้มเหลว จงเรียนรู้ที่จะลุกและหาหนทางกลับมาสู้ได้ใหม่
  4. จดจ่ออยู่กับกระบวนการที่ทำ มากกว่าผลของงานนั้น ๆ รู้จักแบ่งงานออกเป็นชิ้นย่อย ๆ และทำทีละขั้น หยุดพักบ้าง ให้รางวัลกับตัวเองบ้างในระหว่างทาง
  5. ฝึกฝนอย่างตั้งใจ ไม่ว่างานจะยากขนาดไหน หากฝึกฝนอยู่สม่ำเสมอ ก็จะพัฒนาและทำสำเร็จได้
  6. มองโลกในแง่ดี หากเจอปัญหา หรือประสบความล้มเหลว ให้มองว่าเป็นการเรียนรู้และทำให้เราได้ฝึกฝน มากกว่าล้มเลิก หรือบอกว่าทำไม่ได้ตั้งแต่ไม่ได้พยายาม
  7. หาความชอบหรือความหลงใหลในเป้าหมายหรือสิ่งที่เรากำลังทำ เพราะหากเรามองหาความชอบนั้นพบ เราก็จะทำงานนั้น ๆ ได้อย่างมีความสุข
  8. สร้างวินัยให้ตัวเอง บริหารจัดการเวลาอย่างคุ้มค่า จัดลำดับงานและทำงานตามลำดับความสำคัญของงาน
  9. หาที่ปรึกษาที่สามารถให้คำแนะนำและสนับสนุนให้คุณพัฒนาตัวเองได้ อาจเรียนรู้จากประสบการณ์โดยตรงของที่ปรึกษา ทั้งนี้ที่ปรึกษาควรเป็นคนที่มีความคิดบวก และเป็นตัวอย่างของผู้ที่มี Grit สูงที่ดี
  10. เรียนรู้ในสิ่งที่พลาด สิ่งที่ล้มเหลว หรืออุปสรรคต่าง ๆ แล้วเปลี่ยนให้มันเป็นสิ่งที่ท้าทาย เป็นโอกาสที่เราจะได้พัฒนาตัวเอง และเอาชนะปัญหาและอุปสรรคเหล่านี้ในที่สุด

ขอให้ทุกท่านพัฒนา Grit ของตัวเองและประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำ ดังที่มุ่งหวังนะคะ

ดาวน์โหลดเพื่ออ่านรูปแบบ PDF: 
  เนื้อหาแนะนำ
เนื้อหาภายในฉบับที่ 52